• ภาชนะที่ใช้ปรุงอาหารจะต้องสะอาดไม่มีรอยไหม้ดำ กาต้มน้ำไม่ควรมีตะกรันเกาะจับอยู่เพราะจะทำให้อาหารสุกช้าหรือเดือดช้า
• ภาชนะที่ใช้ในการหุงต้มควรใช้ภาชนะก้นแบนที่มีขนาดพอเหมาะ โดยใไม่ควรให้เปลวไฟพ้นออกจากก้นภาชนะ
• ควรตั้งภาชนะให้อยู่ศูนย์กลางเตา
• ควรเตรียมอาหารทุกอย่างให้เสร็จก่อน แล้วจึงค่อยปรุงอาหารทีละอย่าง เพราะจะทำให้ความร้อนไม่สูญเสียไปขณะที่ต้องหยุดเตรียมอาหาร
• ไม่ควรตั้งเตาหุงต้มในตำแหน่งที่มีลดพัดแรงเพราะเปลวไฟจะไม่สัมผัสกับภาชนะ  ทำให้เกิดการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
• เวลาใช้เตาแก๊ส คอยสังเกตว่าเปลวไฟมีสีน้ำเงิน ซึ่งจะเป็นระดับที่ส่วนผสมของก๊าซพอดีกับอากาศ ทำให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์และให้ความร้อนสูงสุด
• หมั่นทำความสะอาดหัวเตา เพราะหากมีการอุดตัน จะทำให้เตาไม่ร้อน
• เลือกซื้อเตาแก๊สที่มีคุณภาพและได้รับฉลากประสิทธิภาพสูงจากกระทรวงพลังงาน

จริงๆแล้วการเลือกซื้อเตาแก๊สของแต่ละนั้นมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับการใช้งานด้วย

• • เตาแก๊สหัวเตาทองเหลือง (Brass Burner) : เป็นตัวนำความร้อนได้ดี และทนความร้อนสูง ซื้อไปใช้จนลืม มีอายุการใช้งานยาวนานที่สุด ไม่เป็นสนิม เหมาะกับงานผัด ทอดทั่วไป
  • เตาแก๊สหัวเตาเทอร์โบ (Turbo Burner):  ให้พลังงานความร้อนเร็ว ประหยัดเวลา เหมาะกับงานผัด ทอดทีเร่งรีบ
  • เตาแก๊สหัวเตาเหล็กหล่อ (Cast Iron Burner): เป็นเหล็กหล่อ จึงไม่ทนต่อสนิม มีราคาประหยัด มีใช้ในบ้านเรือนทั่วไปได้
  • เตาแก๊สหัวเตาแสตนเลส (Stainless Burner): น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย มีให้หัวเตาให้เลือกหลายแบบ เหมาะกับสไตล์การทำอาหารของคนเอเชีย

เตาไฟฟ้ามี 3 แบบ คือ

• เตาไฟฟ้า Hot plate หน้าเตาส่วนใหญ่เป็นแสตนเลส มีขวดลวดทำความร้อนอยู่ใต้แผ่นสีดำ การปรับระดับความร้อนขึ้นลงค่อนข้างช้า เพราะความร้อนต้องผ่านตัวกลางหลายตัว ตั้งแต่ขดลวด แผ่นเซรามิคสีดำ ก้นหม้อ แล้วจึงถึงอาหาร มีข้อดีคือ “ราคาไม่แพง”
  เพื่อการประหยัดไฟและยืดอายุการใช้งาน คือให้ดับไฟตอนใกล้ๆจะทำอาหารเสร็จเพื่อประหยัดไฟ เพราะความร้อนจะยังคงอยู่กับเตาอีกนาน แล้วเมื่อทำอาหารเสร็จก็ระวังมือไปโดน เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
• เตาไฟฟ้า Ceramic hob หน้าเตาจะเป็นกระจก Ceramic ซึ่งทนความร้อนได้สูงมาก รับแรงกระแทกได้ค่อนข้างมาก ต่อให้มีอะไรตกใส่ ส่วนมากก็จะแค่เป็นรอยร้าว ไม่แตกออกมาเป็นปากฉลามบาดมือ (Rinnai หน้าเตากระจก Schott Ceran) ตัวทำความร้อนด้านในก็จะเป็นขดลวดไฟฟ้า ลักษณะภายนอกเหมือนกับเตาแม่เหล็กไฟฟ้า (induction) เพราะกระจกเป็นชนิดเดียวกัน มีข้อสังเกตคือ ขณะใช้งานเตาไฟฟ้า ceramic hob จะมีสีแดงขึ้นในบริเวณที่มีความร้อน แต่เตาแม่เหล็กไฟฟ้าจะไม่มี
• เตาแม่เหล็กไฟฟ้าinduction ภายในจะมีขดลวดกำเนิดสนามแม่เหล็ก ภาชนะที่ใช้จึงต้องเป็นโลหะ เมื่อสนามแม่เหล็กตัดกับโลหะก็จะเกิดความร้อน ซึ่งมีข้อดีมากๆก็คือความร้อนจะเกิดที่ก้นภาชนะเลย ทำให้การสูญเสียความร้อนน้อยมาก ทำให้ประหยัดไฟมากๆ ราคาจึงค่อนข้างสูง แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพ ฟังชั่นการใช้งานแล้วคุ้มค่ามากๆ